มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

บะหมี่สำเร็จรูปไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง

แนะกินบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่กินเกินวันละ 1 ซองควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป              นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ให้ความเห็นต่อการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่า เคยทำการสำรวจปริมาณโซเดียมหรือเกลือ อันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า จากการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง ฉบับที่ 68 มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน

             
“การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป เพราะแต่ละวันจะได้รับปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอส เกลือ สูงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เคยมีการวิจัยถึงปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยในปี 2548 พบว่า มีมากถึง 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท หากจะเทียบกับซองบะหมี่มาตรฐานที่บรรจุซองละ 60 กรัม หมายความว่า คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 2,000 ล้านซองต่อปี โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะสินค้านี้มีหลายรส หลายระดับราคาให้เลือกปรุงได้สะดวกรวดเร็ว”

              ปริมาณโซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475- 1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม

พร้อมแนะนำการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่าควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไตและโรคความดันโลหิต

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

ความผิดพลาด ในการเลือกคู่ ที่พบกันบ่อย ๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ทำผิดพลาดในเรื่องนี้อีก ลองใช้ความผิดพลาดที่พบกันบ่อยเหล่านี้เป็นแนวทางในยามที่คบหาใครสักคน1. รูปลักษณ์           กี่ครั้งกี่หนที่คุณแทบละลายเพราะผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดี บ่อยเลยใช่มั้ยล่ะ ทำไมคุณถึงตกหลุมพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมคุณถึงได้วางเรื่องรักของคุณไว้บนพื้นฐานของหน้าตาล่ะ เราแน่ใจว่าสิ่งที่คุณต้องการจากคู่รักนั้นมากกว่าหน้าตาดี ๆ ของพวกเขาแน่ และถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นนายแบบหรือดารา รูปร่างหน้าตาไม่ได้ช่วยให้คุณมีเงินทองหรือความสุขได้หรอกนะ  2. ความสูง
          เราเข้าใจว่าผู้หญิงชอบผู้ชายตัวสูง ๆ เพราะรู้สึกว่าได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเขา อย่างไรก็ตาม ความสูงไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ใด ๆ เลยว่าเขาจะปฏิบัติต่อคุณอย่างไร คุณคาดหวังจะได้อะไรจากผู้ชายรูปร่างสูง ที่ชายรูปร่างเล็กหรือเตี้ยให้คุณไม่ได้กันล่ะ เราบอกคุณได้เลยจากประสบการณ์ว่า ความสูงของผู้ชายไม่เป็นตัวกำหนดหัวใจของเขา และหัวใจต่างหากที่บอกว่าผู้ชายเป็นคนดีแค่ไหนและเขาจะปฏิบัติต่อคุณเพียงใด

 3. ศักยภาพ

         อย่าเขาใจเราผิดไป คนที่ศักยภาพในตัวเต็มเปี่ยมถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่เรากำลังพูดถึงก็คือ คุณไม่ควรเลือกคนคนหนึ่งจากศักยภาพของเขาแต่เพียงอย่างเดียว ศักยภาพเป็นเพียงคุณสมบัติอย่างหนึ่งของคนเราเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นคนดี คุณจำเป็นต้องแยกแยะด้วยว่าเขามีคุณสมบัติอื่นใดอีกด้วยบ้าง มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะแยกแยะว่าคนคนนั้นตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า ถ้าคุณไม่รู้ว่าอะไรที่คุณต้องการ คุณก็มีปัญหาใหญ่แล้วล่ะ

  
 4. ความมีอารมณ์ขัน

            การมีคนซึ่งมีอารมณ์ขันและสนุกสนานอยู่ด้วยทำให้ชีวิตของคุณดูจะง่าย ๆ สบาย ๆ ขึ้น การหัวเราะเป็นการเบี่ยงเบนตัวเองจากความวิตกกังวลและปัญหาต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อคู่รักของคุณทำตลกมากเกินไป และไม่อาจจะจริงจังกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตได้ มันก็กลายเป็นปัญหา ซึ่งคุณไม่ต้องการอย่างแน่นอน การเน้นที่คุณสมบัติในเรื่องนี้มากเกินไป ในเมื่อคุณต้องการมากกว่านั้น จะนำคุณไปสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยปัญหาและปวดเศียรเวียนเกล้า
   5. ความตื่นเต้น
 ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่คุณจะถูกดึงดูดเข้าหาคนที่ดูน่าตื่นเต้น สนุกสนาน และมีชีวิตอยู่บนความเสี่ยงความพุ่งพล่านที่คุณรู้สึกเมื่ออยู่กับพวกเขา เป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ แต่คุณจะสามารถใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นนั้นได้นานเท่าไหร่กันล่ะ การแสวงหาคนที่จะให้ความตื่นเต้นแก่คุณทุกวัน อาจนำคุณไปสู่เส้นทางชีวิตที่ไร้ความรับผิดชอบ
 
ลองนึกย้อนกลับไปถึงคนในสมัยเรียนที่ใช้ชีวิตน่าตื่นเต้นดูสิ เดี๋ยวนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง เราแน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักหรอก มันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องรับรู้ว่า คุณสมบัติบางอย่างของผู้ชายไม่เพียงพอที่จะสร้างชีวิตรักที่ทีความสุข ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมคุณไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ของคุณ ลองมองดูเงื่อนไขที่คุณใช้เลือกคู่ของคุณดูสิ


ดึงเมนู 'พริก' พิชิตความอยาก

ใครที่มีปัญหาเรื่องควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินความพอดีอาจแก้ไขได้ด้วย "พริก" โดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยเพอร์ดู ในรัฐอินดีแอนาของสหรัฐ ศึกษาพบว่าสารแคปไซซินที่ทำให้พริกมีคุณสมบัติเผ็ดร้อนสามารถลดความหิว ควบคุมความอยากอาหาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานในการศึกษานักวิจัยให้อาสาสมัครที่มีน้ำหนักตัวปรกติ 25 คน บริโภคพริกชี้ฟ้าครึ่งช้อนชา ซึ่งเป็นปริมาณที่คนส่วนใหญ่บริโภคได้ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยให้รับประทานทั้งในรูปของพริกสดและพริกแห้ง ต่างจากการศึกษาอื่นๆ ที่มักใช้แคปซูล
ผลที่ได้พบว่า เมื่อบริโภคพริกสีแดงช่วยระงับความอยากอาหารและเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นหลังมื้ออาหาร เนื่องจากสารแคปไซซินช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกายและเผาผลาญพลังงานผ่านการใช้พลังงานตามธรรมชาติ แม้ในกลุ่มคนที่ไม่ได้บริโภคพริกเป็นประจำยังมีความรู้สึกหิวหรือความอยากอาหารลดลง โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวาน เค็ม และมัน
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงอาหารเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ ทั้งยังเป็นวิธีที่ได้ประโยชน์อย่างยั่งยืนหากทำได้ควบคู่ไปกับการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย


วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

“กาแฟ”ดื่มดีได้...ดื่มร้ายเสียประโยชน์

มีคำถามจากคอกาแฟเข้ามา โดยรู้สึกว่าตัวเองติดกาแฟมาก ช่วงแรกดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว เพื่อแก้ง่วงระหว่างทำงาน แต่ระยะหลังมักดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคตหรือไม่ อย่างไร

สำหรับใครหลาย ๆ คน “กาแฟ” อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ต้องดื่มทุกวัน วันละหลาย ๆ แก้ว ดื่มแล้วหูตาสว่าง สดชื่น ความคิดแจ่มใส
แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับ “คาเฟอีน” ที่เกรงจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย
ปัจจุบันมีผลวิจัยด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และยา ในต่างประเทศจำนวนมาก พบว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ปลอดภัย และส่งผลดีต่อสุขภาพได้ หากดื่มอย่างถูกต้อง

โดยผู้ที่ดื่มกาแฟไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้วต่อวัน การได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และมะเร็งในเซลล์ตับ

คาเฟอีนในกาแฟยังสามารถเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคอ้วน มีส่วนช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิวด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับ “คาเฟอีน” อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน รวมถึงผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะกาแฟมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต

แม้ “กาแฟ” จะมี “ข้อดี” ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่ม แต่การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง และมากเกินไป ก็เปรียบเสมือนยาพิษได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรดื่มให้เป็น.

วิธีรักษาหุ่นสวยโดยไม่ต้องอดอาหาร

การวิจัยจากหลากหลายสถาบันแสดงให้เห็นว่าการอดมื้อกินมื้อหรือการโหมอดอาหารไม่ใช่ทางเลือกที่ดีถ้าคุณอยากจะควบคุมน้ำหนัก เพราะทันทีที่ร่างกายขาดอาหารก็จะส่งผลไปที่สมองและจะทำให้เรารู้สึกว่าครั้งต่อไปต้องรับประทานให้มากขึ้น ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะทำลายแผนการดีๆที่คุณวางไว้เพื่อรักษาหุ่นสวยของคุณ ลองพบกับวิธีใหม่ๆที่ทำให้คุณรักษารูปร่างในฝันไว้ได้ตลอดไป    1. รับประทานอาหารเช้าที่ดี มีประโยชน์
        อาหารเช้ามีบทบาทสำคัญในการเร่งอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ที่ทำงานอย่างช้าๆมาตลอดคืน ดังนั้นอาหารเช้าจึงเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของวัน การวิจัยต่อเนื่องครั้งหนึ่งพบว่าในระยะเวลาห้าปีกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายที่รับประทานอาหารเช้าเป็นมื้อใหญ่ที่สุดเป็นกลุ่มคนที่มีน้ำหนักตัวน้อยที่สุด แม้ว่าปริมาณการทานอาหารต่อวันของคนกลุ่มนี้จะมากกว่ากลุ่มอื่น

        เราควรรับประทานอาหารเช้าในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้รู้สึกอิ่มจนถึงเที่ยง เคล็ดลับก็คือคุณควรเพิ่มอาหารประเภทโปรตีนในมื้อเช้าของคุณ เช่น ไข่หรือเบคอน (หรือทั้งสองอย่าง) เพื่อให้คุณมีพลังงานไว้ใช้ตลอดช่วงเช้าและไม่ทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อยๆตลอดทั้งวัน
    2. เพิ่มปริมาณโปรตีนในมื้อกลางวัน
        อาหารกลางวันคืออาหารมื้อหลักของวัน ดังนั้นอย่าเสียวลาไปกินแซนวิชชิ้นเล็กๆเลย ทานอาหารกลางวันให้เต็มที่เพราะช่วงสิบโมงเช้าถึงบ่ายสองโมงเป็นช่วงเวลาที่ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อาหารที่ทานเข้าไปจึงถูกย่อยและดูดซึมได้ดีที่สุด
    3. ไม่ทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตหลังห้าโมงเย็น
        เป็นที่รู้กันว่าระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะทำงานช้าลงในเวลาเย็นและร่างกายจะเอาพลังงานที่ไม่ได้ถูกเผาผลาญไปเก็บไว้เป็นไขมันส่วนเกิน สาวๆบางคนบอกว่าการรักษารูปร่างเป็นไปได้ง่ายขึ้น ถ้าพวกเธองดอาหารจำพวกแป้งในมื้อค่ำ ดังนั้นถ้าคุณไม่รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงตอนเย็นก็เท่ากับว่าคุณได้ควบคุมปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันไปในตัว คุณก็จะมีสัดส่วนที่สวยงามได้โดยไม่ต้องพยายามอะไรมาก
    4. ทานอาหารมื้อเย็นให้น้อยลง
         มื้อเย็นควรเป็นมื้ออาหารที่เล็กที่สุดของวัน แม้โดยปกติแล้วมื้อเย็นเป็นมื้อที่คนทั่วไปมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงเช่นเค้ก หรือคุ้กกี้เพราะความเบื่อหรือเหนื่อย ดังนั้นการงดอาหารจำพวกแป้งจะทำให้เราเว้นของพวกนี้ไปโดยอัตโนมัติ ในทางตรงกันข้าคุณควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูงให้มากขึ้นเพื่อให้รู้สึกอิ่มท้อง

          สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณไม่ควรทานอาหารมื้อค่ำช้าเกินไปเพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อยอาหารก่อนเข้านอน คุณจะนอนหลับสนิทและรู้สึกสดชื่นยามตื่นตอนเช้า

คิดเลขในใจช่วยป้องกันสมองเสื่อม

นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 เปิดเผยว่า “การคิดเลขในใจช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมเนื่องจากทำให้สมองได้ออกกำลังและเพิ่มการสื่อสัญญาณประสาทในสมอง”
งานวิจัยในปัจจุบันพบว่า เซลล์ประสาทจะถูกผลิตสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ แต่จะเสื่อมสภาพลงถ้าไม่มีการใช้งาน ถ้าเราทำกิจกรรมใดๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นถูกกระตุ้นบ่อยๆ เซลล์สมองส่วนนั้นจะแข็งแรง และไม่เสื่อมสภาพลงไปง่ายๆ
โรคสมองเสื่อมอาจเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการแต่คาดว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 200,000 – 300,000 คน มีงานวิจัยในประเทศตะวันตกพบว่า คนอายุ 65 ปีป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 1 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปีที่อายุเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไปพบว่าป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 32 เปอร์เซ็นต์
โดยผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะสูญเสียเซลล์ประสาทเร็วกว่าปกติในระดับที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องความจำ การควบคุมอารมณ์ ไม่สามารถแยกถูกผิด ความฉลาด และการสั่งงานของสมอง เช่น การเปิดแก๊สหุงต้มทิ้งไว้เพราะลืม หรือเห็นแก๊สเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ปิด เพราะนึกไม่ออกว่าจะปิดอย่างไร และไม่คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ฯลฯ
ซึ่งในคนปกติจะมีเซลล์สมองอยู่กว่า 1 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งแต่ละเซลล์อาจเชื่อมโยงกับเซลล์ประสาทอื่นๆ อีกประมาณ 80,000 – 100,000 เซลล์
การคิดเลขในใจทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง จะกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกายของสมอง (Brain Exercise) กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่นๆ เพิ่มเส้นใยประสาทของเซลล์ประสาท (Neurons) ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และยังอาจเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ประสาทให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมเรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าสูงอายุคิดค่าอาหาร และเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ฝึกคิดเลขในใจ         คิดค่าของที่ซื้อเวลาไปจ่ายตลาด คิดค่าอาหาร และเงินทอนเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน คิดรายรับในแต่ละเดือน คิดค่าใช้จ่ายในบ้าน คิดตัวเลขรายรับ รายจ่ายเงินในบัญชีธนาคารแทนการกดเครื่องคิดเลข ฯลฯ ซึ่งต้องใช้ทั้งการบวก ลบ คูณ หารในบางครั้ง ช่วงแรกควรเริ่มจากเลข 2 หลักก่อนโดยไม่ต้องใช้นิ้วมือมาช่วยนับ หลังจากนั้นค่อยเพิ่มจำนวน เมื่อเริ่มคล่องขึ้นแล้วจึงเริ่มลบตัวเลขแบบง่ายๆ การคูณควรเริ่มจากการคูณเลขง่ายๆ จากเลข 1 – 12 ก่อน

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ทายนิสัยจากการจับปากกา

เมื่อจับปากกา-ดินสอ เขียนหนังสือหรือจดหมาย ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละคน ทั้งนี้ได้มีผู้วิเคราะห์เอาไว้ว่า ท่าทางการจับปากกา-ดินสอ ของคนเรานั้น สามารถบอกได้ถึงนิสัยใจคอของแต่ละคนอีกด้วย
คนที่ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับปากกา-ดินสอ
มักเป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ มีบุคลิกธรรมดา พบเจอได้ทั่วไป แต่ขยันขันแข็งเป็นคนทำมาหากิน ไม่ใช่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ แต่ข้อเสียก็คือขาดความละเอียด ลึกซึ้ง รอบคอบ และไม่สนใจในเรื่องที่ละเอียดอ่อนนัก ไร้อารมณ์อันสุนทรีย์ แต่เป็นคนที่รักบ้านรักครอบครัว และมักเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น ๆ อยู่เสมอ

คีบปากกา-ดินสอ ด้วยนิ้วชี้-กลาง
ท่านี้เป็นท่าที่เหมือนกับคนทั่วไปใช้คีบบุหรี่นั่นเอง และคนที่มีท่าทางถือปากกา-ดินสอ เช่นนี้อุปนิสัยโดยทั่วไปมักเป็นคนที่มีความจริงใจต่อคนอื่น เห็นอกเห็นใจคนง่าย ชอบทำงานเพื่ออุดมการณ์ของตนเองมากกว่าเพื่อเงิน บุคลิกภายนอกจะเหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเอง ดูท่าทางเป็นคนลังเล ตัดสินใจอะไรยาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่มีจุดยืนของตัวเองมั่นคงมากทีเดียว

สอดปากกา-ดินสอ ไว้หว่างนิ้วกลาง-นาง
ลักษณะของคนที่จับปากกา-ดินสอตามหัวข้อข้างต้น คือ ชอบสอดปากกา-ดินสอไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนาง นิสัยโดยรวมมักเป็นคนค่อนข้าง นิสัยโดยรวมมักเป็นคนค่อนข้างตะหนี่ขี้เหนียว รู้จักและมองเห็นคุณค่าของเงิน และยังเป็นคนทำงานหนักและทำอย่างจริงจัง เพื่อครอบครัวของตน รักญาติพี่น้อง เป็นคนมีนิสัยจู้จี้จุกจิกน่ารำคาญอยู่สักหน่อย ชอบคาดหวังคนอื่นว่าจะต้องเหมือนตัวเอง และจะไม่แคร์ใครเลยถ้าไม่มีความสำคัญต่อชีวิต

จับปากกา-ดินสอชิดส่วนล่างสุด คนที่จับปากกา-ดินสอซะชิดจนเกือบถึงส่วนล่างหรือใกล้กับตัวปากกา-ดินสอนั้น มักเป็นคนเปลี่ยนใจง่าย ประเดี๋ยวชอบแบบนี้ แล้วก็หันมาชอบอีกอย่างแทนภายในไม่กี่นาที เป็นคนไม่ค่อยอยู่นิ่ง กระตือรือร้น และมีความเป็นมิตร แต่จะไม่ชอบทำอะไรตามกำหนดเป๊ะ ๆ หรือทำงานที่ที่ซ้ำซาก จำเจ เพราะจะเบื่อหน่ายง่าย เป็นคนไม่ค่อยมีความพยายามและอดทน จะสนใจอะไรเพียงวูบวาบเท่านั้นเอง
จับส่วนบนของปากกา-ดินสอ
คนที่จับปากกา-ดินสอ ไปทางด้านบนหรือปลายๆ ปากกา-ดินสอ นั้นเป็นคนที่มีความช่างฝันแต่ก็จะนิยมความเป็นจริงด้วย เช่นถ้าฝันหรือต้องการอะไรก็จะพยายามจนถึงที่สุดเพื่อจะให้ได้มา เป็นคนมีความมุ่งมั่นสูงอย่างไม่น่าเชื่อเพราะท่าทางจะเหมือนคนฉาบฉวย ไม่ใส่ใจในอะไรสักอย่างแต่ว่าจะไม่ใช่คนที่ลงมือทำอะไรเอง แล้วก็ยังเป็นคนมีอารมณ์ขัน โดยเฉพาะได้หัวเราะขบขันคนอื่น จะสุขใจเป็นพิเศษ

ชอบกัดปากกา-ดินสอ
คนที่เวลาจับปากกา-ดินสอ เขียนอะไรแล้วก็ชอบกัดฝาปากกา-ดินสอไปด้วยนั้น เป็นคนที่มีความหมกหมุ่นมาก หาความแน่นอนไม่ได้ ไม่เหมาะที่จะไปหวังอะไร มีนิสัยเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่เข้ากับคนง่าย และมีความสนใจในเรื่องที่ไม่เคยรู้เคยเห็นสูงมาก เรียกว่า กระหายการเรียนรู้ในทุก ๆ เรื่อง ก็ไม่ผิด แต่ว่าจะไม่มีสมาธิอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานนัก จะเป็นลักษณะของความสนใจที่ฉาบฉวยอยู่สักหน่อย

ทำนายนิสัยจากหน้าผาก

หน้าผากสี่เหลี่ยมกว้าง แสดงว่าเป็นคนทำงานเก่ง เหมาะจะประกอบงานธุรกิจต่างๆ ใจคอกว้างขวางมั่นคง มีเหตุผล รู้จักไตร่ตรองและมีความรอบคอบ

หน้าผากมีรอยหยัก
เป็นรูปตัว M อย่างเห็นได้ชัดเจนมีหน้าผากแบบนี้จะเข้ากับคนได้ง่าย มีความรับผิดชอบ และซื่อสัตว์ไว้ใจได้

หน้าผากหยักเล็กน้อย
เป็นรูปคล้าย ตัว M แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ และมักไม่ชอบสุงสิงกับใครนัก

หน้าผากเถิก
เป็นคนมีความสามารถ ฉลาดหลักแหลม และมีเหตุผล

หน้าผากกลมมน
เป็นคนเจ้าความคิด ชอบที่จะทำงานแข่งขันกับใครๆเปิดเผย และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่ง เป็นที่พึงแก่คนที่กำลังประสบปัญหาได้อย่างยิ่ง

หน้าผากเป็นสัน
เป็นคนไม่ยอมเข้าใจในเรื่องที่กล่าวขึ้นมาลอยๆต้องให้รู้แจ้งเห็นจริงกับตาตัวเองจึงจะยอมเชื่อ และเป็นคนตั้งใจมั่น ไม่โอนเอียงง่ายๆ

หน้าผากต่ำและแคบ
แสดงว่าเป็นคนไม่ฉลาด ขาดความคิดสร้างสรรค์ ได้แต่คอยทำตามคำสั่งคนอื่น

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ปลูกต้นไม้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในบ้าน

เริ่มจากใน สำนักงาน ควรปลูก ต้นจั๋ง(Lady Palm)  เพราะช่วยปรับสภาพอากาศให้ที่ร่มได้ดี ลดมลภาวะที่เกิดจากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ น้ำหมึกพรินเตอร์ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับ ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ควรปลูก ยางอินเดีย (Rubber Plant) เพราะมีคุณสมบัติช่วยทำให้อากาศในห้องหมุนเวียนดีขึ้น และยังเพิ่มความชื้นให้อากาศในห้องไม่แห้งจนเกินไป
มาต่อกันที่ ห้องนอน ควรปลูก เยอร์บีรา นอกจากมีความสวยงามแล้ว ต้นไม้ชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชื้น ปรับสภาพอากาศ และดูดกลิ่นอับภายในห้องได้อีกด้วย
ห้องน้ำ ควรปลูก เฟิร์น พลูด่าง เศรษฐีเรือนใน ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับอากาศเป็นพิษที่เชื้อโรคปล่อยออกมา และสารเคมีจากน้ำยาทำความสะอาดผนังและพื้นห้อง
ห้องครัว ควรปลูก บอสตัน เฟิร์น (Boston Fern) เพราะจะช่วยดูดกลิ่นเขม่าควันจาการทำอาหาร และดูดซับสารเคมีจากน้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องครัว
ปิดท้ายด้วย ทุกห้อง ควรปลูก เดหลี (Peace Lily) ช่วยดูดซับสารเคมีในอากาศที่มาจากผลิตภัณฑ์และวัสดุตกแต่งบ้าน พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำยาทำความสะอาด เครื่องสำอางบางชนิด เช่น สเปรย์ มูสใส่ผม น้ำยาล้างเล็บ เป็นต้น
เพียงแค่ปลูกต้นไม้ถูกหลักในจุดต่างๆนี้ คุณก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาแพง และบ้านก็จะมีอากาศบริสุทธิ์อย่างเป็นธรรมชาติ

ระวังจุลินทรีย์เชื้อก่อโรคในแหนม

"แหนม"  เป็นอาหารพื้นเมืองที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาชาวบ้านโดยแท้ ต้นกำเนิดของแหนมเกิดจากการดัดแปลงเนื้อหมู ที่เป็นวัตถุดิบที่เหลือจากการบริโภค แล้วนำมาผสมนั่นนิดนี่หน่อย จนกลายมาเป็นแหนมที่ทุกคนรู้จักและชอบรับประและจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงให้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ มีกรรมวิธีการผลิตที่มีคุณภาพ เริ่มจากการคัดเลือกเนื้อหมูสด ที่ผ่านการตรวจสอบตั้งแต่โรงฆ่าสัตว์ไม่มีโรค
 จากนั้นเข้าสู่กระบวนการลอกเนื้อเยื่อและเอา ไขมันที่ไม่ต้องการออก แล้วนำมาบดผสมกับส่วนประกอบต่างๆ เช่น เกลือ ดินประสิว ข้าวเจ้าสุก และเครื่องเทศหลังจากผสมแล้วจึงนำมาบรรจุลงในภาชนะบรรจุที่มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติกรูปทรงกระบอก ถุงพลาสติกลักษณะเป็นตุ้ม หรือบรรจุในพลาสติกธรรมดาแล้วหุ้มด้วยใบตอง ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องปกติเพื่อให้เกิดการหมัก ประมาณ 3-5 วัน ก็นำมารับประทานได้อย่างไรก็ตาม คงต้องระวัง! ในเรื่องของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคที่อาจปนเปื้อนเข้ามาในแหนมได้

    จุลินทรีย์ชนิดที่พบมาก เห็นจะเป็นเชื้ออี.โคไล มักปนเปื้อนจากการประกอบอาหารด้วยการใช้มือสัมผัส ถ้าคนปรุงและคลุกเคล้าส่วนผสมของแหนม มีสุขลักษณะที่ไม่ดีเพียงพอ ไม่ล้างมือก่อนทำ และภาชนะที่ใช้สัมผัสแหนมระหว่างการผลิตไม่สะอาดพอ อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องเสียได้... 
นอกจากนี้ยังมีเชื้อซาลโมเนลลาอีกชนิด ที่อาจปนเปื้อนมาอันตรายของเชื้อชนิดนี้คือเมื่อผู้บริโภครับเชื้อเข้าไปแล้วจะทำให้เกิด อาหารเป็นพิษ หลังจากร่างกายได้รับเชื้อนี้เข้าไปเป็นเวลาประมาณ 6-24 ชั่วโมง

ช็อกโกแลต กับราศี

ใครที่กำลังจะซื้อช็อกโกแลตให้กับหวานใจในวันพิเศษ ๆ จะให้ถูกใจต้องมาดูกันก่อนว่า หวานใจของคุณเกิดในราศีอะไร คราวนี้จะได้ซื้อช็อกโกแลตได้ถูกใจคนรับนะคะ
 ราศีเมษ ต้องเลือกแบบที่หรูหราหน่อย เพราะชาวราศีเมษ ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด เสมอ สำหรับพวกเขา
ราศีพฤษภ ชาวราศีพฤษภชอบช็อกโกแลตที่ใจกลางนุ่ม เช่น สอดไส้คาราเมล นี่เลิฟอย่าบอกใครเชียว
ราศีเมถุน ชาวราศีเมถุนจะชอบช็อกโกแลตที่พกไปทานได้ง่ายๆ เพราะเป็นคนไม่อยู่กับที่ ชนิดที่เป็นแบบเม็ดเล็กๆ แล้วกดออกมาทานทีละนิดจะเวิร์กมาก
 ราศีกรกฎ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตแบบไหน ชาวราศีกรกฎก็ชอบไปหมด เรียกว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วย รอยยิ้มทุกครั้งที่ได้รับ
 ราศีสิงห์ มีเคล็ดนิดหน่อยเวลาจะให้ช็อกโกแลตชาวราศีสิงห์ คุณต้องมีวิธีการให้แบบเซอร์ไพส์ หรือจู่โจมถึง จะสร้างความประทับใจได้
ราศีกันย์ คุณต้องแน่ใจว่าช็อกโกแลตที่จะให้สะอาด แสดงส่วนผสมชัดเจน และอยู่ในหีบห่อสวยงาม แล้วก็ต้องเป็นแบบที่เก็บไว้ได้น านาๆ ด้วยเพราะเขาจะกินมันครึ่งนึง แล้วเก็บที่เหลือไว้ในตู้เย็นอีกเป็นเดือน
ราศีตุลย์ ชาวราศีตุลย์ชอบอะไรๆ ที่เป็นคู่ ดังนั้นคุณควรสร้างความประทับใจ ด้วยการหาซื้อช็อกโกแลต ให้เขากล่องหนึ่ง แล้วก็สำหรับตัวเองเหมือนกันอีกกล่องด้วย
ราศีพิจิก ชาวราศีนี้เป็นคนที่ชอบกินช็อกโกแลตมาก โดยเฉพาะแบบที่ค่อนข้างเหลวหน่อย เพราะมีวิธีการกิน ที่ไม่เหมือนใคร ต้องค่อยๆ เลียเหมือนกินไอศครีม
 ราศีธนู ชอบช็อกโกแลตแบบฝรั่งเศสเป็นที่สุดเลย ไม่รู้ว่าแบบฝรั่งเศสเป็นยังไงก็เลือกดูที่ Made in France แล้วกัน
 ราศีมังกร พวกนี้ชอบแต่ของที่ดีที่สุด และก็แพงที่สุดเท่านั้น ประเภทว่าถ้าไม่เริ่ดที่สุดก็ไม่มีทางแล
ราศีกุมภ์ ไม่ต้องเอาอันที่ใหญ่มากนักหรอกนะ เล็กๆ ก็พอ ชาวราศีนี้ชอบอะไร ที่ค่อนข้างจะกุ๊กกิ๊กน่ารัก
 ราศีมีน ชาวมีนชอบช็อกโกแลตแบบที่มีรวมกันหลายรสหลายแบบ เพราะเป็นคน ชอบแบ่งให้คนอื่นกินได้ด้วย 


 

น้ำมันปลาป้องกันโรคเหงือก

 จากการวิจัยโดยศึกษาผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่าหมื่นคน ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปพบว่า หากทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำอาจช่วยป้องกันโรคเหงือก เพราะผู้ที่ทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำจะเป็นโรคเหงือกน้อยกว่าผู้ที่ไม่ทานเลยถึงร้อยละ 30 เนื่องจากสารในกรดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดการเกิดโรค
     นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ดแนะนำให้ทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำแต่ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะจะไม่เกิดประโยชน์  เด็กและผู้หญิงควรบริโภคในประมาณจำกัด โดยควรทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งจะส่งผลดีต่อสภาพร่างกายโดยรวม ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ลดระดับโคเลสเตอรอลและช่วยในการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาท
     กรดไขมันโอเมก้า 3 พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาน้ำจืดบางชนิด รวมถึงถั่วและเมล็ดพืชพวกวอลนัท.

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เคล็ด(ไม่)ลับ…นอนหลับฝันดี


มีคนนอนไม่หลับบ้างรึเปล่า ถ้าเป็นคนนอนไม่หลับหรือนอนหลับฝันร้ายฟังทางนี้ ลองนำเคล็ดลับ 33 สูตร หลับฝันดีไปใช้ดู
33สูตรมันเยอะไป
เอามาฝากบางส่วนแต่ถ้าอยากอ่านเต็มๆก็

1.อย่านอนผิดเวลาทุกวัน :ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างเพียงพอไม่ควรนอนมากหรือน้อยจนเกินไป ควรนอนในเวลาที่เหมาะสม
2.พักกลางคัน : ถ้ารู้สึกล้า อยากนอนจริงๆหาเวลาว่างสัก 5 นาที อาจงีบหรือปล่อยตัวตามสบาย เป็นการพักผ่อนไปในตัว
3.อย่าคาดหมายล่วงหน้า : พยายามอย่านึกคิดล่วงหน้าถึงการนัดหมาย เพราะว่าความกังวล จะทำให้คุณนอนไม่หลับ
4.วางมือทั้งสองข้างบนหน้าท้อง : ความร้อนจากมือช่วยผ่อนคลาย อวัยวะภายในช่องท้องที่ขวางการไหลเวียนพลังงาน
5. งดออกกำลังกายในตอนเย็นหลังเลิกงาน : ความเข้าใจผิดๆ จากการเล่นกีฬาหลังเลิกงาน จะทำให้เหนื่อยจนคุณอยากจะนอน คุณเข้าใจผิด เพราะการออกกำลังกายช่วงหัวค่ำจะทำให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัวตากหาก

เป็นยังไงกันมั่งคะ เป็นวิธีง่ายๆนะคะ แต่ได้ผลดีทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

เตรียมพร้อมดูแลผิว...เริงร่ารับหน้าร้อน


ถึงเดือนแห่งการเข้าหน้าร้อนอย่างเต็มรูปแบบ และยังเป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยวและวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ แต่คุณทราบไหมว่าแสงแดดร้อนระอุในช่วงหน้าร้อน อาจเป็นตัวการสำคัญทำลายผิวสวยของคุณ
ดังนั้นการใส่ใจเรื่องผิวหนังกับแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องคำนึงถึง เราจึงมีเคล็ดลับดูแลผิวสวยให้สาวๆ ได้เตรียมเริงร่า รับลมร้อนได้อย่างสบายใจมาฝากกันค่ะ
             คุณทราบไหมคะว่าในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุด หากคุณต้องอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลานาน จะมีโอกาสผิวไหม้แดงจากแสงแดด บางคนอาจมีอาการหนักถึงกับเกิดอาการบวม แดง พอง มีไข้ คลื่นไส้ เป็นต้น และแสงแดดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยตีนการอยย่นบนใบหน้า โดยเฉพาะจะเกิดกับผู้ที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด และการป้องกันควรทำตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี 
             วิธีปกป้องผิวจากแสงแดด ที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้นการทาโลชั่นหรือครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ก่อนออกแดดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF (Sun Protect Factor) อย่างน้อย 15 เท่า แต่ถ้าเป็นการออกแดดตลอดวันควรใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF 30++ ขึ้นไป เพราะค่า SPF ที่สูง จะสามารถปกป้องผิวคุณจากแสงแดดได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า กรณีว่ายน้ำหรือเล่นน้ำ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดกันน้ำด้วย

            
แล้วคุณทราบไหมว่า นอกจากการทาครีมกันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำแล้ว อย่าลืมบริเวณริมฝีปากด้วยนะคะ ปกป้องผิวบริเวณริมฝีปากด้วยลิปบาล์มที่มีสารกันแดดด้วย อีกอย่างที่หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญ นั่นคือการทาโลชั่นบริเวณผิวมือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะอากาศร้อนๆ แบบนี้ผิวมือก็อาจจะแห้งกร้านได้
            
หลังจากสัมผัสแสงแดดบางคน อาจจะมีผิวลอกเป็นขุย ทั้งนี้ก็เพราะการถูกแสงแดดจะทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพและหลุดลอกออก การทาม้อยส์-เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนังได้ ปัจจุบันมีครีมทาผิวให้เลือกหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ได้ทุกสภาพผิว

            
นอกจากนี้อย่าลืมเติมเต็ม ความสดชื่น สดใส ผสานความคลาสสิกที่ลงตัว รับฤดูร้อนด้วยน้ำหอมแนวกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ ที่ให้ความรู้สึกเริงร่าท่ามกลางสายลมและแสงแดดแห่งฤดูร้อน

             เมื่อทราบวิธีดูแลผิวกันแล้ว งานนี้จะเป็น ทริปทะเลที่ไหน สาวๆ ก็พร้อมลุยกับแสงแดดในฤดูร้อนได้อย่างสบายใจแล้วละค่ะ

ทายนิสัยจากการดื่มกาแฟ

ชอบกาแฟเข้มๆ คุณเป็นคนเอาการเอางาน จริงจัง ช่างคิด มีหัวธุรกิจ ชอบงานที่ท้าทาย และเป็นคนที่เครียดตลอดเวลา ลองดื่มกาแฟให้หวานอีกนิดสิ จะได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น หวาน มัน คุณเป็นคนใจกว้าง รักความสนุกสนาน ร่าเริง ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ยึดความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นก็มั่นใจได้เลยว่า ใครจะมาเอาเปรียบเขา ก็ไม่ได้เหมือนกัน
ชอบกาแฟเพราะกลิ่นหอมเตะจมูก คุณเป็นคนช่างเลือก มักจะเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง พิถีพิถัน ชอบอยู่ในสังคมที่มีแต่คนคอเดียวกันอาศัอยู่ ข้อดีคือรักเพื่อน

ชอบกาแฟรสชาติอ่อนๆ เป็นคนที่รักสงบ แล้วก็รักสุขภาพและความสะอาดด้วย คุณจะเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของผู้อื่น ไม่ชอบโต้แย้งใครโดยไม่จำเป็น
ชอบกาแฟรสหวานจัด เป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน แต่บางทีก็อ่อนไหว เปราะบาง เป็นคนที่มีความหวัง ความฝัน อยากมีชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบัน อยากเป็นคนพิเศษของใครสักคน ชอบเป็นคนสำคัญ

ชอบกาแฟรสชาติพอดีๆ ไม่หวานเกินไป ไม่มันเกินไป คุณเป็นคนไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ไม่ชอบการต่อสู้ แต่เป็นคนดูแลรักษาสุขภาพ สนใจในเรื่องการเรียน การศึกษา ค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมอยู่อย่างสม่ำเสมอ

ชอบดื่มกาแฟร้อน เป็นคนที่หาความสุขได้จากเรื่องเล็กน้อย บุคลิกกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ตื่นตัวตลอดเวลา สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งอื่นๆ ได้ง่าย 
ชอบดื่มกาแฟเย็น เป็นคนมีเพื่อนเยอะ ชอบอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง ถึงเวลาเรียนหรือเวลาทำงานคุณจะเป็นคนจริงจัง ตั้งใจ แตกต่างจากเวลาพักผ่อน ใครอยู่ใกล้คุณก็จะพลอยมีความสุขเพราะคุณเป็นคนร่าเริง เบิกบาน.

‘เฉาก๊วย’ ของว่างมาจากไหน?

เฉาก๊วย ขนมหวานสีดำ ที่มีลักษณะหยุ่น ๆ เหมือนวุ้น ต้องรับประทานพร้อมกับน้ำเชื่อมและน้ำแข็ง ใครรู้บ้างว่า จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่วุ้น แต่มันทำมาจากพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งพืชชนิดนั้นก็คือ “ต้นเฉาก๊วย” นั่นเอง
ต้นเฉาก๊วย เป็นพืชล้มลุก ประเภทคลุมดิน ลักษณะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก ลำต้นกลม เปราะและหักง่าย พืชชนิดนี้เป็นพืชในตระกูลเดียวกับพวกใบสะระแหน่ หรือ มิ้นต์ แต่ใบจะใหญ่และเรียวแหลมกว่า ใบเป็นรูปรีแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ มีสีเขียวสด ดอกสีขาว ลักษณะคล้ายดอกกะเพรา ออกได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี คนไทยเรียกว่า “หญ้าเฉาก๊วย” แปลว่า ขนมที่ทำจากหญ้า (“เฉา” แปลว่า “หญ้า”, “ก๊วย” แปลว่า “ขนม”)
พืชชนิดนี้ขยายพันธุ์โดยวิธีปักชำกิ่ง แต่ก็สามารถขึ้นได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ที่ชอบทั้งแดดและความชุ่มชื้น ปลูกได้ทั้งในดินกลางแจ้งและลงกระถาง ใบเมื่อนำไปตากแห้งแล้วเอาไปต้มจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำก็จะได้น้ำเฉาก๊วย หรือนำยางไปผสมแป้งให้มันอยู่ตัว ก็จะได้เฉาก๊วยที่เรารับประทานกัน สรรพคุณนอกจากจะช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำแล้ว ยังสามารถควบคุมโรคความดันสูงได้อีกด้วย.

5 วิธี รักษาใจ

5 วิธี รักษาใจ
 ทำใจวิธีแรกที่จะต้องทำก็คือ “ทำใจ” ก็เล่นทุ่มเทไปซะขนาดนั้นน่ะ จะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร วิธีทำใจแบบง่าย ๆ คือ เราก็ต้องคิดถึงสาเหตุที่เลิกกันก่อนว่า เลิกกันเพราะอะไร ถ้าเป็นเลิกกันเพราะอีกฝ่ายหนึ่งมีคนใหม่ ก็ขอให้คิดไว้ว่า “ที่เค้าทิ้งเราก็เพราะรู้ตัวล่ะซิว่าไม่คู่ควรกับเรา” (คิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ไม่ผิดหรอก จะได้ลืมเร็ว ๆ) แต่ถ้าเลิกกันเพราะว่านิสัยเข้ากันไม่ได้ ก็ให้คิดว่า “เราเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด” (แต่ข้อนี้นิสัยบางอย่างที่ควรปรับปรุงก็เปลี่ยนเป็น ถ้าคบคนใหม่เราจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกดีกว่านะ)
อย่าเก็บตัว ออกไปเจอเพื่อนบ้าง
หลังจากทำใจได้แล้ว ก็อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียว ออกไปเจอเพื่อนฝูงบ้าง เพราะเวลานี้แหละเป็นเวลาที่เหล่าบรรดาเพื่อนผู้น่ารักของเรามันมักจะอยู่ ข้างเราเสมอ ๆ ไม่หนีหายไปไหน มีเรื่องมาเล่า มาอำ ให้เราได้หัวเราะจนลืมไปว่ากำลังเศร้าอยู่ นี่ล่ะน้าข้อดีของ “เพื่อน” แต่ไอ้ตอนที่มีแฟนนี่ก็ทิ้งเพื่อนเอาดื้อ ๆ เลิกเรียน เลิกทำงานก็ต้องรีบ กลับไปรับแฟน เพื่อนจะไปไหนกันก็ช่างมัน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะอย่างไรเพื่อนก็ตัดกันไม่ขาดหรอก
อย่าทำตัวโทรม ไม่มีค่า
ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะว่า บางคนที่เลิกกับแฟนใหม่ ๆ ก็มักจะประชดตัวเองด้วยการกินเหล้า เมาหัวราน้ำ เซเว่นไม่ปิดไม่เลิก อันนี้ก็ไม่ไหวนะคะ เกิดบังเอิญไปเจอกับแฟนเก่าคุณเข้า ไม่ใช่ว่าเค้าจะสงสารหรือเห็นใจนะ อาจจะตรงกันข้าม รู้สึกสมเพชขึ้นมาก็ได้ แล้วคิดว่าคบคนแบบนี้มาได้อย่างไรตั้งนาน เป็นบุญของฉันที่เลิกกับเขา (เธอ) ได้ เอาเป็นว่าเปลี่ยนจากการกินเหล้า มาเป็นการทำตัวให้ดูดีกว่าเดิม (ดีกว่าตอนที่คบกับคนคนนั้นของคุณอยู่) เอาให้เขาเห็นว่า เลิกไปแล้วคุณดูดีกว่าอยู่กับเขาอีก นั่นแหละมันจะทำให้เขาเสียดายในตัวคุณ ไม่แน่นะคุณอาจจะมีคนที่ดีกว่าเขาคนนั้นมาสนใจคุณก็ได้
อย่าทำตัวให้ว่าง
ไม่ควรทำตัวให้ว่าง มีงานอะไรก็หามาทำซะทั้งงานหลวง งานราษฎร์ เช็ดบ้าน ถูบ้าน หรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ทำให้เราต้องอยู่กับความเหงาของตัวเอง ทำให้มันลืมเวลาไปเลย แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่าทำจนเป็นคนบ้างาน ไม่ลุกไปไหน ไม่ทำอะไร ข้าวก็ไม่กิน อันนี้ผิดวิธี มันอาจจะทำให้คุณลืมได้ แต่มันก็อาจจะทำให้คุณทรุดได้เหมือนกัน ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ใครเล่าจะมาดูแล ก็เอาเป็นว่า ทำแต่พอดี ไม่หักโหมเป็นพอ
เปิดใจมองคนรอบ ๆ ตัวบ้าง
อันนี้ไม่ได้แนะนำว่าเลิกกับคนนั้นแล้วจะต้องหาคนใหม่เลยนะ (แบบว่าไม่ทำให้ตัวเองว่างเลย) แต่จะบอกว่า ลองให้โอกาสคนที่ผ่านเข้ามาบ้าง บางทีเขาอาจจะดีกว่าคนที่เลิกคบไปก็ได้นะ และที่สำคัญเวลาที่สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต มันจะทำให้หัวใจเรารู้สึกซาบซ่า มีความสุขไปอีกแบบ และมันอาจจะทำให้คุณลืมช่วงเวลาที่เลวร้ายมากที่สุดในชีวิตไปก็ได้ และสุดท้าย เป็นคาถาทำใจที่ใช้ได้ชะงัดกับทุกกรณี
“ไม่มีใครรักและเข้าใจเราเท่าตัวเอง”

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้อดีของความทุกข์

1.ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
2.ทำให้รู้ถึงค่าของความสุข
3.ทำให้เรามีความสามารถมากขึ้น
4.ทำให้เรามีสิ่งที่ต้องทำ(ทำเพื่อให้หายทุกข์ )
5.ทำให้เรามีประสบการณ์ในการแก้ปัญหามากขึ้น
6.ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น
7.ทำให้ความสุขมีค่ามากขึ้น
8.ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น
9.ทำให้เรามองโลกกว้างมากขึ้น
10.ทำให้เราเห็นได้ว่าใครคือคนที่เป็นที่พึ่งยามยากของเรา
11.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่ห่วงเรา
12.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นมิตรแท้ของเรา
13.ทำให้รู้ได้ว่าเพื่อนของเรามีความสามารถแค่ไหน
14.ทำให้เรารู้ว่าใครมีความสามารถขนาดไหน
15.ทำให้เรารู้ได้ว่ามีคนไหนที่รักเราจริง
16.ทำให้เรารู้ว่าการหัวเราะเป็นสิ่งจำเป็น
17.ทำให้เราพยายามที่จะมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
18.ทำให้เรามาค้นหาข้อดีของความทุกข์

แอปเปิ้ล...ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก

แอปเปิ้ล...ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก
  การจำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอม แต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีดเซียว ไม่สดชื่น อวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก
     การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด

     เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า "อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า "แอปเปิ้ล" แน่ ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อสัมผัสกรอบ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก"

   กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง

     แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

      พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน

      เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

       นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

    แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน
       เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง

   ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?

       จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน

   กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์

      ในแง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ

       ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนักแล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

เคล็ดลับรักษาสิว

เคล็ดลับรักษาสิว
สาว ๆ หลายคน ที่มีปัญหาหน้ามัน นอกจากจะต้องระวังเรื่องของการเกิดสิวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่สาวเจ้ามักเป็นกังวลอย่างที่สุดคือ ใบหน้าที่เป็นแผลเป็นจากการเกิดสิว ซึ่งนอกจากต้องโบ๊ะแป้งให้หนาขึ้นเป็น 2 ชั้นเพื่อปกปิดรอยผลเป็นแล้ว วันนี้ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวมาฝากด้วย
โดยการแก้ไขแผลเป็นจากสิวมีขั้นตอนตามความรุนแรงมากน้อยดังนี้
1. สำหรับรอยแผลเป็นที่มีการยุบตัวลงไป แล้วไม่มีการอักเสบหลงเหลือ การจะแก้แผลเป็นต้องพยายามกระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณนั้นฟื้นตัวขึ้นมา คล้ายนักวิทยาศาสตร์ฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อของคนที่เป็นอัมพฤกษ์ ให้กลับมาทำงานใหม่ หากจะเปรียบเทียบกับคนเล่นกล้ามก็ได้ เช่น นักวิ่งจะมีโคนขาใหญ่ นักกล้ามจะมีกล้ามใหญ่ไปทั่ว ก็เพราะจากการกระตุ้น แต่การกระตุ้นกล้ามเนื้อนั้นง่ายกว่ามาก เพราะเพียงแต่ยกน้ำหนักให้กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย (อาการปวดที่รู้สึกหลังจากออกกำลังกาย) การอักเสบก็จะมีขบวนการทางเคมีสร้างเนื้อเยื่อเอง ส่วนการกระตุ้นแผลเป็นมีวิธีเดียวที่จะไม่ทำให้ผิวเสียก็คือ การใช้แสงเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นเฉพาะ ผ่านผิวหนังชั้นบนลงไปกระตุ้นท่อเลือดและท่อน้ำเหลืองให้บวมแดงอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นก็จะมีสารสำคัญในน้ำเหลือง ที่มีอยู่ใต้ผิวหนังออกมากระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อแบบเดียวกับการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ส่วนผลจะได้แค่ไหนนั้น สามารถจะตรวจสอบได้คร่าว ๆ คือก่อนการรักษาให้ใช้นิ้วกางบริเวณแผลเป็นรอยยุบดู หากตึงขึ้นแล้วแผลเหล่านั้นหายไปได้ แผลนั้นก็น่าจะได้รับผลการรักษาที่ดี ส่วนรอยที่ไม่หายไปจะสังเกตเห็นว่าเหมือนรอยแทะ ต้องใช้วิธีอื่น ๆ เสริมในการรักษามากกว่าการใช้เทคนิคการกระตุ้นเนื้อเยื่อดังกล่าว
2. หากแผลเป็นจากสิวนั้น ยังมีรอยแดงอยู่พร้อมกับรอยบุ๋ม แต่ไม่มีการอักเสบคล้ายหนองหรือของสกปรกอยู่ข้างล่าง อาจเสริมการรักษาแผลเป็นด้วยการกระตุ้น เลเซอร์ชนิดพิเศษ ที่กล่าวข้างต้นไปพร้อมกันจะได้ผลดีมากกว่า ข้อที่ 1
3. หากแผลเป็นจากสิวนั้น มีรอยแดงและเจ็บ แสดงถึงว่ามีการอักเสบและของสกปรก ยังไม่ถูกกำจัดอออกจากผิวหนัง แพทย์จะต้องหาวิธีเอาของสกปรกนั้นออก เทคนิคที่นิยมคือการใช้เลเซอร์ผ่าตัด ที่สามารถทำให้เกิดโพรงคล้ายโพรงขนเล็ก ๆ บนผิวหนัง แล้วใช้เครื่องมือค่อย ๆ รีดเอาของเสียออกทางโพรงนั้น คล้ายการผ่าตัดทั่ว ๆ ไปที่เอาของเสียออก ส่วนแผลที่เหลือก็จะหายในเร็ววัน และกลายเป็นแผลชนิดที่ 2 สามารถวางแผนในการดูแลรักษาแผลเป็นได้ง่ายขึ้น
4. หากหัวสิวมีการอักเสบเท่านั้นไม่มีการแตก การที่จะขยายโพรงขนด้วยแสงเลเซอร์ผ่าตัดชนิดเดียวกับชนิดที่ 3 แล้วเอาหัวสิวออกเลย ก็นับว่าเป็นความคิดที่ฉลาด ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดแผลเป็นแบบที่ 3
สรุปการรักษาแผลเป็นของสิวจึงต้องมีขอบเขตโดยคร่าว ๆ ดังนี้
หากท่านกำลังมีรอยแผลเป็นชนิดใดก็ตาม จากข้อที่1 ถึง ข้อที่4 กรุณาทำความเข้าใจขั้นตอนการรักษาก่อน เพื่อว่าคุณจะได้มีผิวหนังที่สวยงาม ไม่มีแผลเป็นขรุขระ
ต่อไปก็เลิกกังวลได้แล้ว เพราะปัญหาสิวไม่ใช่เรื่องใหญ่ของคุณอีกต่อไป...  

 

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับ เรียนเก่ง

เคล็ดลับ เรียนเก่ง 1.เราต้องมีความรับผิดชอบคะ-เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้าน เรื่องเรียน หลายคนเวลาลืมทำการบ้าน ก็จะบอกอาจารย์ว่าหนูลืมคะ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนะคะ (คนเขียนทามบ่อยคะ อิอิ)

2.เริ่มต้นดี

-ใครหลายๆคนนะคะ เวลาเปิดเทอมใหม่ๆนี่ ก็จะตั้งใจเรียน แต่พอไปหลังๆนี่ เริ่มแร้วคะ ถ้าเราเริ่มต้นดีตั้งแต่ตอนแรก และก็ดีเสมอไป รับรองคะ

3.กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่

-เพื่อนๆหลายคนตอนนี้ อาจจะกำลังศึกษาอยู่ ม.3 หลายคนก็ศึกษาอยู่ ม.6 ในการเรียนต่อนั้น เพื่อนๆต้องกำหนดให้เป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น

4.วางแผนและจัดการ

-มีการวางแผน จัดลำดับสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำเป็นตารางสัปดาห์ได้ก็ยิ่งดีใหญ่เรยนะคะ

5.มีวินัยต่อตนเอง

-เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผนและจัดการเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม

6.อย่าล้าสมัย

-วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์

7.ฝึกตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

-ศึกษาข้อมูลเสนอแนะ และฝึกทักษะการเรียนรู้

8.เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู้ชั้นเรียน

-เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน เตรียมอุปกรณ์หนังสือที่จะใช้ในการเรียนให้เรียบร้อย

9.มุ่งมั่นจดจ่อต่อบทเรียน

-ในการเรียนนั้นเราก็ควรที่จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด อาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อที่จะมานั่งพูดคุยกัน หรือรอเวลาให้เลิกเรียนเร็วๆ

10.เป็นตัวของตัวเอง

-รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเอง คิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูงเหมือนกัน

11.มีความกระตือรือล้น-ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตนเอง

12.มีสุขภาพดี

-เพื่อนๆอย่าลืมใส่ใจถึงสุขภาพทางร่างกายของตัวเราเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมทางสังคมต่างๆ

ก็มาถึงเคล็ดลับทางการเรียนข้อสุดท้ายกันแล้วคะ

13.เรียนอย่างมีความสุข

-เราต้องพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่า วิชานี้น่าเรียน เรียนสนุก ไม่ต้องไปเครียดกับมัน แล้วเราก็จะเรียนอย่างมีความสุขคะ